ไขมันเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อได้จริงหรือ!?

ไขมันเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อได้จริงหรือ!?

ไขมันเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อได้จริงหรือ!?

          นี้คือหนึ่งในความเชื่อผิดๆของคนที่พึ่งเริ่มออกกำลังกายใหม่ๆคือ ไขมันของเราสามารถเปลี่ยนเป็นกล้ามเนื้อได้ถ้าเราออกกำลังกาย เข้าฟิตเนสหรือยิม และคนที่มีกล้ามใหญ่ๆ หากทิ้งไว้ไม่ออกกำลังกายเลย กล้ามจะกลายเป็นไขมัน แล้วจะเปลี่ยนเป็นคนอ้วนแทน

          สิ่งแรกที่ควรจะรู้อันดับแรกคือ ไขมันและกล้ามเนื้อเป็นสองสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเราสามารถทำได้เพียงเพิ่มหรือลดมันเท่านั้น แต่ไม่สามารถเปลี่ยนไขมันเป็นกล้ามเนื้อ หรือเปลี่ยนกล้ามเนื้อเป็นไขมันได้แต่อาจจะเพราะความเชื่อที่ว่าให้กินเยอะๆตอนที่จะสร้างกล้าม ตัวจะได้ใหญ่ๆ แล้วมันจะกลายเป็นกล้ามตอนเรายกเวทหรือเข้ายิมหรือเล่นเวท

          ในความเป็นจริงแล้วกล้ามเนื้อนั้นถ้ามันจะใหญ่ขึ้นได้ มันเกิดจากเราใช้งานมันหนัก เกินกว่าการทำงานในปกติของมัน จนเกิดการฉีกขาดของกล้ามเนื้อบางส่วน(ซึ่งไม่ใช่การฉีกขาดจากอาการบาดเจ็บ) ซึ่งก็คือเกิดจากการเข้าฟิตเนสหรือเข้ายิมนั่นเอง จากนั้นร่างกายก็จะพัฒนาและซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหายนั้น เพื่อให้สามารถทนต่อการใช้งานที่หนักขึ้นได้ และสิ่งที่ทำให้เกิดการพัฒนาและซ่อมแซมนั้นก็คือ โปรตีน และสารอาหาร บวกกับการพักผ่อนที่เพียงพอ ไม่ได้เกิดจากการดึงไขมันมาเปลี่ยนเป็นกล้ามอย่างที่เข้าใจผิดกัน

          ในทางกลับกัน กล้ามเนื้อก็ไม่สามารถกลายเป็นไขมันได้ด้วยเหตุผลเดียวกัน เพราะไขมัน คือพลังงานเหลือใช้ที่ร่างกายเราเก็บสะสม ไว้หากเรากินอาหารโดยเฉพาะจำพวกแป้งและไขมัน มากเกินกว่าที่ร่างกายเราจะดึงไปใช้เป็นพลังงานมันจะถูกเก็บสะสมไว้ในรูปของไขมันยิ่งไม่ใช้ มันยิ่งจะเพิ่มขึ้น

          ต่างจากกล้ามเนื้อที่หากเรายิ่งไม่ได้ใช้มัน ร่างกายเราจะคิดว่ากล้ามเนื้อส่วนที่ไม่ได้ใช้งาน เป็นส่วนที่กินพลังงานเกินความจำเป็น เพราะยิ่งมีกล้ามเนื้อมาก มันก็จะยิ่งใช้พลังงานมากในการทำงาน ดังนั้นหากคนที่มีกล้ามหรือเล่นกล้าม หยุดหรือลดการใช้กล้ามเนื้อของเขา ร่างกายก็จะเริ่มปรับสภาพ ลดกล้ามเนื้อที่กินพลังงานเกินความจำเป็นลงแต่ในทางกลับกัน ถ้าหากเรายังกินเท่ากับตอนที่เรายังพยายามสร้างกล้ามเนื้ออยู่ สารอาหารหรือพลังงานที่เกินมาพวกนั้นก็จะสะสมอยู่ในรูปไขมันแทน ทำให้ดูเหมือนว่ากล้ามเนื้อเรานิ่มลงจนกลายเป็นไขมันนั่นเอง

การเกิดขึ้นของไขมันและกล้ามเนื้อ

ไขมัน
          ไขมัน เกิดจากการสะสมของพลังงานที่ได้จากอาหารที่ทานเข้าไปแล้วใช้ไม่หมด เมื่อเก็บสะสมไว้ก็จะกลายมาเป็นไขมันไว้ใช้เป็นพลังงานเมื่อต้องการ ไม่ใช่ว่าเราทานอาหารที่มีไขมัน แล้วจะเข้าไปสะสมเป็นไขมันในร่างกายแค่เพียงปัจจัยเดียว แล้วคิดว่าการเลิกหรืองดทานไขมันจะช่วยให้การสะสมไขมันลดลง ถ้าทำเช่นนั้นร่างกายจะขาดสารอาหารที่จำเป็น เพราะไขมันเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อร่างกายในปริมาณที่พอเหมาะ ไขมันช่วยเรื่องละลายวิตามินบางชนิดให้ร่างกายดูดซึม เป็นชนวนปกป้องอวัยวะของเรา อย่างที่บอกว่าไขมันในร่างกายของเราเกิดจากการสะสมของพลังงานจากอาหารที่ทานเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นแป้ง เนื้อสัตว์ ไขมัน น้ำตาล หากเราทานมากเกินความจำเป็น ร่างกายใช้ไม่หมดก็จะสะสมไว้อย่างที่เคยกล่าวมา ดังนั้น เราควรทานอาหารให้สมดุลกับการใช้ หากคิดว่าใช้ไม่หมดก็ควรออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ร่างกายใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นเพื่อดึงพลังงานมาใช้ไม่ให้เกิดการสะสมพลังงานในรูปของไขมัน การที่จะลดไขมันนั้นควรออกกำลังกาย แบบคาร์ดิโอ คือการวิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือกีฬาที่เน้นการเพิ่มการไหลเวียนโลหิต การหายใจ กีฬาพวกนี้จะทำให้ร่างกายจะดึงพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต โปรตีนและไขมันมาใช้ครับ 

กล้ามเนื้อ 
          กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อคือส่วนประกอบหลักของร่างกาย กล้ามเนื้อจะแข็งแรงขึ้นเราต้องใช้กล้ามเนื้อในส่วนนั้นๆ บางคนที่เนื้อเหลว ไม่กระชับเพราะกล้ามไม่ได้ถูกใช้งาน หลักของการสร้างกล้ามเนื้อง่ายๆก็คือ เมื่อคุณใช้งานกล้ามเนื้อไม่ว่าจากการทำงานหรือการออกกำลังกาย เมื่อถึงจุดหนึ่งจะเกิดการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ (กระบวนการนี้ไม่ใช่การฉีกขาดเพราะบาดเจ็บนะครับ) พอฉีกขาดแล้ว ร่างกายจะมีกระบวนการในการซ่อมแซมตัวเองโดยใช้สารอาหาร ซึ่งตอนนี้ร่างการต้องการอาหารและต้องการการพักผ่อน เพื่อซ่อมแซมกล้ามเนื้อ เมื่อซ่อมแซมแล้วกล้ามเนื้อบริเวณนั้นจะเพิ่มขึ้นครับ 

          นอกจากนี้คุณสามารถโฟกัสได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น คุณไม่สามารถทำให้สมบูรณ์แบบทั้งคู่ไปพร้อมๆกันได้ คุณต้องเลือกระหว่างการลดไขมัน หรือจะเพิ่มกล้ามเนื้อ

          การลดไขมัน คุณต้องได้รับพลังงานจากอาหารให้น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ จนส่งผลให้ร่างกายต้องเผาผลาญไขมันและกล้ามเนื้อเพื่อนำมาชดเชยพลังงานที่ขาดไป
          การสร้างกล้ามเนื้อ คุณต้องได้รับพลังงานจากอาหารให้มากกว่าที่ร่างกายต้องการ แต่มันไม่เพียงทำให้เกิดกระบวนการสร้างกล้ามเนื้อเท่านั้น แต่มันยังเป็นสาเหตุของการสะสมไขมันอีกด้วย